จีนเดินเกมสู้ทรัมป์ นัดประชุมด่วนเตรียมอัดฉีดในบ้าน จับมือ EU นอกบ้าน

จีนเดินเกมสู้ทรัมป์ นัดประชุมด่วนเตรียมอัดฉีดในบ้าน จับมือ EU นอกบ้าน

จีนเดินเกมสู้ทรัมป์ นัดประชุมด่วนเตรียมอัดฉีดในบ้าน จับมือ EU นอกบ้าน

จีนเดินเกมสู้ทรัมป์ นัดประชุมด่วนเตรียมอัดฉีดในบ้าน จับมือ EU นอกบ้าน

จีนเดินเกมคู่ขนาน ประชุมด่วนเตรียมอัดฉีดในบ้าน จับมือ EU นอกบ้าน สวนกลับแรงกดดันภาษีของทรัมป์

เมื่อสหรัฐฯ ภายใต้โดนัลด์ ทรัมป์ ยกระดับภาษีนำเข้าสินค้าจีนพุ่งแตะ 125% จีนก็เตรียมแผนตอบโต้ทันควันทั้งในและนอกประเทศ โดยภายในจัดประชุมฉุกเฉิน เร่งคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ เน้นอัดฉีดภาคอสังหาฯ ดันการบริโภค และเร่งพัฒนาเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน จีนก็เดินหน้าจับมือสหภาพยุโรป เจรจาข้อตกลง EV ปรับโครงสร้างการค้าทวิภาคี และผลักดันการปฏิรูป WTO

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ซูมด่วน 10 ประเทศ อาเซียน จับมือสหรัฐฯ เดินหน้าความร่วมมือเศรษฐกิจ

ซูมด่วน 10 ประเทศ อาเซียน จับมือสหรัฐฯ เดินหน้าความร่วมมือเศรษฐกิจ

ในโลกที่การค้าเสรีถูกท้าทาย จีนกำลังสร้างสมดุลใหม่ด้วยนโยบายคู่ขนาน ใช้เศรษฐกิจภายในเป็นเกราะ ใช้ความร่วมมือนอกประเทศเป็นหมากรุกบนกระดานโลก

ปักกิ่งประชุมฉุกเฉิน วางแผน “อัดฉีดเป้าหมาย” ฟื้นเศรษฐกิจ

สำนักข่าว Blomberg รายงานว่า ในวันนี้ (10 เม.ย.) ผู้นำระดับสูงของจีนจะจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ท่ามกลางแรงกดดันจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยกระดับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็น 125% โดยการประชุมเน้นการพยุงเศรษฐกิจใน 3 ภาคหลัก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ การบริโภคภายในประเทศ และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี

แหล่งข่าววงในเผยว่า การประชุมครั้งนี้จะเน้นพิจารณามาตรการที่สนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ การบริโภคภายในประเทศ และการพัฒนาเทคโนโลยี โดยมีหน่วยงานรัฐและหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินร่วมประชุม เพื่อกำหนดแนวทางรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจและตลาดทุน ทั้งนี้ กำหนดการประชุมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในนาทีสุดท้าย

การเรียกประชุมฉุกเฉินครั้งนี้สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลจีนต่อผลกระทบจากสงครามการค้าระลอกใหม่กับสหรัฐฯ ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จีนได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราสูงถึง 84% มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน เพื่อตอบกลับภาษี 104% ที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศบังคับใช้กับสินค้าจีน ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยกระดับมาตรการอีกครั้ง ด้วยการปรับขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็น 125% ขณะเดียวกันกลับประกาศเลื่อนการเก็บภาษีกับประเทศคู่ค้าอื่นหลายสิบประเทศ

ความเคลื่อนไหวเชิงรุกของทรัมป์ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนอย่างรุนแรง โดยในวันพฤหัสบดี ดัชนีหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนความคาดหวังจากนักลงทุนว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี ค่าเงินหยวนในตลาดภายในประเทศยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง ลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2007

แหล่งข่าวจากฝ่ายนโยบายของจีนระบุว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการเร่งออกมาตรการกระตุ้นที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ โดยเน้นการฟื้นฟูอำนาจซื้อของผู้บริโภค และการใช้นโยบายการเงินเชิงรุก

สื่อจีนเผย จีนยังมีพื้นที่นโยบายอีกมาก

หนังสือพิมพ์ People’s Daily ซึ่งเป็นสื่อทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานเมื่อต้นสัปดาห์ว่า จีนยังมี “พื้นที่นโยบายอีกมาก” ในการรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ทั้งการลดดอกเบี้ยนโยบาย การผ่อนคลายเกณฑ์สำรองของธนาคาร และการใช้นโยบายการเงินแบบขยายตัว

นอกจากนี้ จีนยังเร่งควบคุมการลงทุนของบริษัทจีนในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นความพยายามในการลดการพึ่งพาเศรษฐกิจอเมริกา และเพิ่มอำนาจต่อรองในการเจรจาการค้าในอนาคต

ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ จีนเริ่มเปลี่ยนจากยุทธศาสตร์เชิงรับเป็นเชิงรุก โดยเน้นมาตรการกระตุ้นภายในประเทศควบคู่กับมาตรการภาษีตอบโต้ เพื่อรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภายนอก

มาตรการใหม่ที่อาจประกาศหลังการประชุม อาจเป็นการ “อัดฉีดแบบเจาะจง” ไปยังภาคเศรษฐกิจหลักอย่างอสังหาริมทรัพย์ การบริโภค และนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งมีบทบาทต่อการเติบโตระยะยาว ขณะเดียวกัน การแสดงความพร้อมด้านนโยบายการเงินและการควบคุมเงินทุน ก็จะช่วยสร้าง “เกราะป้องกัน” ต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน

ในเวทีระหว่างประเทศ การจำกัดการลงทุนของภาคเอกชนจีนในสหรัฐฯ ก็สะท้อนยุทธศาสตร์ระยะยาวของปักกิ่งในการลดการพึ่งพาตะวันตก และเสริมความสามารถในการต่อรองในศึกการค้าที่ยังไม่มีวี่แววจะจบลงในเร็ววัน

จีน-EU เร่งหารือเศรษฐกิจ หวังสร้าง “เสถียรภาพใหม่”

ในเวลาเดียวกัน จีนก็เดินหน้าฟื้นความร่วมมือกับสหภาพยุโรป โดยเมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา นายหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน ได้ประชุมผ่านวิดีโอ กับนาย มารอช เซฟโควิช กรรมาธิการด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการค้าของยุโรป

การหารือเน้นประเด็นสำคัญ เช่น การฟื้นเจรจาด้านการค้าทวิภาคี การเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงราคาขั้นต่ำ (minimum price commitment) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จีนส่งออกไปยังยุโรป รวมถึงแนวทางสร้างสภาพแวดล้อมเอื้อต่อภาคเอกชน และการบริหารจัดการการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตข้ามประเทศ (trade transfer)

ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันความร่วมมือในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และย้ำถึงความจำเป็นในการผลักดันการปฏิรูป WTO อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาระเบียบการค้าพหุภาคีในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจโลกกำลังทวีขึ้น

หนึ่งในจุดเปราะบางของความสัมพันธ์จีน-EU คือประเด็นรถยนต์ไฟฟ้า โดย EU ได้เริ่มเก็บภาษีนำเข้า EV จากจีนสูงสุดถึง 35.3% ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา จากอัตราภาษีพื้นฐานเดิมเพียง 10% โดยอ้างถึงปัญหาการอุดหนุนจากภาครัฐจีน

แม้ยังไม่มีการกำหนดวันเจรจาอย่างเป็นทางการ แต่การที่ทั้งสองฝ่ายตกลงฟื้นการพูดคุยด้านราคาขั้นต่ำ EV สะท้อนความพยายามลดแรงปะทะและหลีกเลี่ยงการลุกลามของมาตรการตอบโต้ทางการค้า

จีนผสาน “นโยบายใน-นอกประเทศ” สร้างสมดุลรับมือทรัมป์

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าจีนไม่ได้เลือก “ตั้งรับ” อย่างเดียวอีกต่อไป แต่กำลังเปลี่ยนยุทธศาสตร์เป็น “เชิงรุกสองด้าน” เพื่อสร้างเกราะป้องกันเศรษฐกิจจากแรงกดดันภายนอก

  • เชิงนโยบายภายในประเทศ: การเตรียมมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจเฉพาะจุด เช่น อสังหาริมทรัพย์ การบริโภค และเทคโนโลยี จะช่วยพยุงการเติบโตระยะสั้น ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณความมั่นใจต่อสังคมและตลาดทุน
  • เชิงนโยบายระหว่างประเทศ: การเร่งกระชับความร่วมมือกับ EU ไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาสหรัฐฯ แต่ยังเสริมภาพลักษณ์จีนในฐานะผู้เล่นสำคัญที่ยังคงยึดมั่นในระบบการค้าเสรีและการเจรจาพหุภาคี

ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายกีดกันของสหรัฐฯ จีนจึงเลือกใช้ “ภาษี” เป็นทั้ง อาวุธเชิงตอบโต้ และ “นโยบายเศรษฐกิจ” เป็น เกราะกันกระแทก เพื่อประคองเสถียรภาพในระยะยาว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *